เมื่อพูดถึงฉนวนกันความร้อน หลายๆ ครั้งเราก็อาจจะพูดถึงฉนวนกันคนละแบบ บางคนก็คิดว่าเป็นฉนวนบ้าน แต่บางคนก็อาจจะนึกว่าเป็นฉนวนสำหรับโรงงาน ยิ่งคิดก็ยิ่งงง ยิ่งสงสัยว่ามันแตกต่างกันยังไง จะเลือกมาใช้แทนกันได้มั้ย หรือว่าควรที่จะต้องเลือกใช้ให้มันเหมาะกับงาน วันนี้เราจะพาทุกคนไปดูกันว่าฉนวนกันความร้อนทั้งสองอย่างนั้น เหมือนหรือแตกต่างกันยังไง แล้ววิธีในการเลือกใช้งานนั้น ควรเลือกแบบไหนในการใช้งานกับบ้านหรือกับโรงงาน ถ้าพร้อมแล้ว ตามมาดูกันเลย
ฉนวนกันความร้อนสำหรับบ้าน
เป็นฉนวนที่มักจะใช้ในการติดตั้งทั้งบนฝ้า ใต้แผ่นหลังคา หรือบนหลังคาก็ตาม เพื่อป้องกันไม่ให้ความร้อนเข้าสู่บ้าน สำหรับการติดตั้งนั้นจะมีให้เลือกสองประเภทด้วยกัน นั่นก็คือฉนวนแบบแผ่นและแบบพ่น
- ฉนวนแบบแผ่น จะเป็นฉนวนสำเร็จรูปที่มีลักษณะเป็นแผ่น อ่อนตัว ดัดโค้งให้เข้ากับโครงสร้างได้ ง่ายต่อการติดตั้ง มีน้ำหนักเบา
- ฉนวนแบบพ่น จะเป็นฉนวนที่ละลายเป็นของเหลว พ่นทับบนพื้นผิวที่ต้องการป้องกันความร้อน สามารถใช้ได้ทั้งในและนอกอาคาร แต่ต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญที่มีเครื่องมือเฉพาะทางเท่านั้น
สำหรับฉนวนกันความร้อนที่ใช้สำหรับบ้านนั้น จะมีให้เลือกอยู่หลายแบบด้วยกัน ซึ่งฉนวนแบบแผ่นและฉนวนแบบพ่นมีให้เลือกทั้งฉนวนใยแก้ว ฉนวนอะลูมิเนียมฟลอยด์ ฉนวนโฟมโพลีเอธิลีน (PE) ฉนวนโฟมโพลียูรีเทน (PU) ฉนวนเยื่อกระดาษ เป็นต้น ซึ่งแต่ละแบบนั้นก็จะมีลักษณะที่แตกต่างกันออกไป
ฉนวนกันความร้อนสำหรับโรงงาน
สำหรับฉนวนสำหรับโรงงานนั้น จะมีลักษณะเป็นแผ่นเหล็กเคลือบสังกะสีที่มีโฟมกันความร้อนอยู่ตรงกลาง มีลักษณะคล้ายแซนด์วิช หรือที่เรียกกันว่า Sandwich Panel สำหรับฉนวนประเภทนี้ จะเป็นการใช้งานเพื่อป้องกันไม่ให้ความร้อนจากภายนอกไหลเข้ามาภายใน และควบคุมอุณหภูมิจากภายในไม่ให้ไหลออกไปยังภายนอก สามารถใช้งานได้ทั้งกับห้องเย็น ห้องฟรีส ห้องไลน์ผลิต คลังสินค้าและศูนย์กระจายสินค้า ห้องคลีนรูม ห้องอบ หรือแม้กระทั่งโรงงานต่างๆ เป็นต้น สำหรับโฟมกันความร้อนภายในนั้นจะมีอยู่ 3 แบบหลักๆ ด้วยกัน นั่นคือโฟม PS โฟม PE และโฟม PIR แต่โดยมากแล้ว จะแนะนำให้ใช้โฟม PIR มากกว่า เนื่องจากสามารถป้องกันไม่ให้อุณหภูมิรั่วไหลได้ดีกว่า และไม่ลามไฟ ไม่เกิดควัน
เรียกได้ว่า ฉนวนกันความร้อนทั้งของบ้านและของโรงงานจะมีลักษณะที่แตกต่างกันออกไป ทำให้การตัดสินใจเลือกซื้อและเลือกใช้นั้น ควรที่จะต้องพิจารณาให้ดี เพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการในการใช้งานได้อย่างดี และคุ้มค่าต่อการลงทุนมากที่สุด